บทความเกี่ยวกับสินค้า

วีธีการเลือกเก้าอี้ทำงาน เก้าอี้สำนักงาน

ในแต่หละวันเรา ใช้เวลาทำงานมากกว่าวันหละ 7-8 ชั่วโมงต่อวัน บางคนมากถึง 10 ชั่วโมงต่อวัน เลยทีเดียว เก้าอี้ทำงานจึงเป็นอีกสิ่งที่สำคัญและจำเป็นมากๆ เพราะถ้ามีเก้าอี้ทำงานที่ดี นั่งสบาย ไม่ปวดหลัง นั่งพิงเอนเข้ากับสีรระของเรา ก็จะช่วยให้การทำงานแต่หละวันของเรา ราบรื่น มีความสุขกับการทำงาน ไม่ต้องมานั่งหงุดหงิดกับ ความไม่สบายปวดเนื้อปวดตัวต่างๆ ได้ ทางเราอยากแนะนำวีธีเลือกเก้าอี้ทำงานให้เหมาะกับผู้ใช้งานที่สุด
เริ่มแรก ทางบริษัทแบ่งระดับของเก้าอี้ทำงาน ไว้ 3 ระดับ โดยดูจากความสูงของพนักพิง
เก้าอี้ทำงานพนักพิงสูง ถึงศีรษะหรือเลยศีรษะ เรียกว่ากลุ่มนี้ว่า เก้าอี้บริหาร ราคาในกลุ่มนี้จะแพงสุด เพราะเป็นเก้าอี้ทำงานที่ตัวใหญ่ พนักพิงสูง ฟังค์ชั่นการใช้งาน ลูกเล่น จะมากเป็นพิเศษ ต่อมาจะเป็น
เก้าอี้ทำงานพนักพิงระดับกลาง ความสูงพนักพิง ประมาณช่วงต้นคอ โดยระดับตำแหน่งขึ้นอยู่กับ สีรระ และความสูงของผู้นั่งด้วย กลุ่มสุดท้ายเป็น
เก้าอี้ทำงานพนักพิงเตี้ย ความสูงพนักพิง ประมาณ ช่วงไหล่ ขนาดจะไม่ใหญ่ ไม่กว้างมากเหมาะใช้พื้นที่จำกัด ไม่กินที่ ราคาไม่สูง
ต่อมาเป็นการแบ่งจากวัสดุที่ใช้ทำเก้าอี้ทำงาน หลักจะเป็น เก้าอี้ทำงานหุ้มด้วยหนัง และ เก้าอี้ทำงาน หุ้มด้วยตาข่าย
เก้าอี้ทำงานที่หุ้มด้วยหนัง มีทั้งหนัง PVC และหนัง PU ซึ่งจะสามารถ เลือกสีหนังสั่งทำ ให้เข้ากับโทนสีในออฟฟิศ เข้ากับเฟอร์นิเจอร์ได้ ความรู้สึกเวลานั่งจะได้ฟิล หนานุ่ม สบาย ด้วยที่เป็นฟองน้ำหุ้มด้วยหนังอีกชั้น ดีไซน์ของกลุ่มนี้จะค่อนข้างดูทางการ สุขุม ส่วนวัสดุอีกอย่างคือ
เก้าอี้ทำงานที่หุ้มด้วยผ้าตาข่าย Mesh กลุ่มนี้เป็นที่นิยมอย่างมากในปัจจุบัน รูปทรงดีไซน์ ลายเส้นต่างๆจะดูโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ modern ที่สำคัญพนักพิง ส่วนใหญ่จะดัดขึ้นรูปโค้งเว้า ช้อนรับกับหลัง บวกกับ ผ้าตาข่ายที่มีความยืดหยุ่นสูง ตามแรงน้ำหนักที่กดทับ ทำให้นั่งสบายรองรับกับหลังผู้ใช้งานเป็นอย่างมาก
อีกปัจจัยหลักที่สำคัญในการเลือก เก้าอี้ทำงาน คือระบบการพิงเอนของเก้าอี้ แบ่งหลักๆ ได้ 2 แบบคือ
เก้าอี้ทำงานที่เวลาพิงเอน พนักพิงและที่นั่ง ยึดติดเชื่อมกันเป็นเหมือนชิ้นเดียว เวลาพิงเอนจะโยกไปทั้งตัว เรียกระบบโยกทั้งตัว (Conventional Tilting Mechanism) โครงเก้าอี้ขึ้นรูปเป็นชิ้นเดียวทั้งตัว สังเกตง่ายๆคือ ส่วนแขนเก้าอี้จะยึดส่วนพนักพิง และที่นั่ง เข้าด้วยกัน คือไม่สามารถแยกเอนหลังได้
อีกแบบคือ เก้าอี้ทำงาน ที่พนักพิงและเบาะที่นั่งแยกเอนจากกันได้ เหมือนเบาะที่นั่งโรงหนัง ระบบโยกเฉพาะพนักพิง (Syhchronize) ระบบนี้จะขายดีที่สุด เพราะจะสามารถปรับล็อคให้พนักพิงไม่เอนหลังได้ด้วย คือเลือกนั่งได้ทั้ง 2 ระบบ ซึ่งองศาการเอนมากน้อย ก็จะแตกต่างกันไปแล้วแต่รุ่น แต่ถ้าลูกค้าชอบนั่งพิงเอนเยอะ แนะนำเลือกระบบการนั่งแบบนี้ครับ
อีกปัจจัยต่อมาคือ เรื่องขาของเก้าอี้ จะมีทั้ง ขาไฟเบอร์พลาสติก ขาเหล็กชุบโครเมียม ขาอลูมิเนียม ซึ่งขาไฟเบอร์จะราคาถูกสุด แต่สามารถแตกหรือหักได้ ต่างจาก เหล็ก และ อลูมิเนียม ที่จะคงสภาพแต่ไม่แตกไม่หัก ถ้าใช้ระยะยาวไม่ต้องกังวลเรื่องขาหัก แตก วัสดุเหล็ก อลูมิเนียม จึงคุ้มค่ากว่าครับ
อีกส่วนที่ควรใช้ประกอบการตัดสินใจด้วยคือ ล้อเก้าอี้ หลักๆมี ล้อพลาสติก และ ล้อไนลอน ล้อPU โดยล้อพลาสติก ถ้าเลื่อนใช้งานไปมา ในพื้นบางประเภทเช่น ไม้ปาร์เก้ หรือไม้ธรรมชาติ อาจเกิดขนแมว รอยลากไปมาได้ แต่ถ้าล้อไนลอน ล้อ PU วัสดุจะเหมือน ยางแบบแข็ง จะกันรอยได้ดีกว่าล้อพลาสติก ซึ่งปัจจุบันราคาแตกต่างกันไม่มาก
แต่จากประสบการณ์ที่ผ่านมา วีธีการเลือกเก้าอี้ทำงานที่ได้ผลดีที่สุด คือ มาเลือกทดลองนั่งด้วยตนเองที่โชว์รูม การได้มาลองนั่งของจริง สัมผัสวัสดุ ใช้งานจริงเก้าอี้จริงๆ จะตอบโจทย์ที่สุด ลูกค้าบางท่านดูตั้งงบเก้าอี้หลักหมื่น แต่มาทดลองนั่งไปมา กลับชอบจบกับเก้าอี้ หลักไม่กี่พัน เพราะสีรระคนเราต่างกันไม่เหมือนกัน เก้าอี้ทำงานแต่หละตัวจึงเหมาะกับผู้ใช้งานไม่เหมือนกัน
Back to list